ประมงเมืองคอนนัดพร้อมคิกออฟ 14 ก.ค. ดีเดย์ไล่ล่าจับปลาหมอคางดำ“เอเลี่ยนสปีชีส์”มหัตภัยต่างแดน

 ประมงเมืองคอนนัดพร้อมคิกออฟ 14 ก.ค. ดีเดย์ไล่ล่าจับปลาหมอคางดำ“เอเลี่ยนสปีชีส์”มหัตภัยต่างแดน


ประมง ฯเมืองคอนลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ “ปลาหมอคางดำ” แพร่ระบาดลุ่มน้ำปากพนัง-สหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำปากพนังสนับสนุนงบ 23,000 บาทดำเนินการไล่ล่า /โดยเบื้องต้น/กำหนดพื้นที่แหล่งน้ำสาธารณะบ่อบำบัดน้ำเสีย 40 ไร่ นัดพร้อมคิกออฟดีเดย์ 14 ก.ค. 2567 นี้


  จากกรณีที่นายไพโรจน์ รัตนรัตน์ สมาชิกสภาเกษตรจังหวัดนครศรีธรรมราช เขต อ.ปากพนัง ได้ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้จังหวัดนครศรีธรรมราช เร่งหามาตรการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของ “ปลาหมอศ๊คางดำ” หรือที่รู้จักกันในนาม “ปลาหมอคางดำ” ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็น “เอเลี่ยนสปีชีส์”หรือสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วและทำลายสัตว์น้ำประจำถิ่น ตามแหล่งน้ำธรรมชาติหรือบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำของเกษตรกร ก่อนหน้านี้มีรายงานพบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำสร้างปัญหาใน 13 จังหวัดของไทย ประกอบด้วย กรุงเทพฯ สมุทรสงคราม ระยอง ราชบุรี จันทบุรี เพชรบุรี ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรปราการ ชุมพร สมุทรสาคร สุราษฎร์ธานี สงขลา และล่าสุดแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นเป็นจังหวัดที่ 14 คือจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะ 2 อำเภอ คือ อ.ปากพนัง และ อ.หัวไทร ก่อนที่จะลุกลามขยายวงกว้างออกไปทั่วจังหวัดรวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงจนทำให้การแก้ปัญหายากมากยิ่งขึ้น โดยทางจังหวัดได้เรียกประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหา และวางมตราการดำเนินการอย่างเร่งด่วน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

(26 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายกอบศักดิ์ เกตุเหมือนประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช มอบหมายให้ นางสาวชอุ่ม สุขช่วย หัวหน้ากลุ่มพัฒนาและส่งเสริมอาชีพการประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช และเจ้าหน้าที่สหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งกุ้งลุ่มน้ำปากพนัง เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบสถานการณ์การแพร่ระบาดของปลาหมอสีคางดำ ในบ่อบำบัดน้ำเสียศูนย์พัฒนาประมงพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมากจากพระราชดำริ เนื้อที่รวม 120 ไร่ โดยมีนายบุญเยียน รัตนวิชา ผู้จัดการสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำปากพนังจำกัด นายวรรณไชย แพรกปาน กำนัน ต.ขนาบนาก นายณัฐพงศ์ นาคดำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 นายอรรถพล ปฐมสุวรรณกุล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.ขนาบนาก พบว่ามีปลาหมอคางดำแพร่ระบาดอาศัยอยู่จำนวนมาก อย่างไรก็ตามในการดำเนินการไล่ล่ากำจัดปลาหมอคางดำ ทางประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช จะรายงานไปยังกรมประมงเพื่อให้จัดสรรงบประมาณมาลงให้ดำเนินการ ซึ่งเท่าที่ทราบทางกรมประมงเองก็ไม่มีงบประมาณในส่วนนี้ จึงต้องรอประมาณจากรัฐบาลอีกระยะหนึ่ง


นายไพโรจน์ รัตนรัตน์ สมาชิกสภาเกษตรกร จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต อ.ปากพนัง กล่าวว่า ในการดำเนินการจำเป็นต้องใช้งบประมาณ เมื่อทางกรมประมงยังไม่สามารถจัดสรรงบประมาณมาสนับสนุนได้ และหากต้องรองบประมาณจากกรมประมง แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดก็จะลุกลามขยายพื้นที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ล่าสุดตนได้ประสานกับนายบุญเยียน รัตนวิชา ผู้จัดการสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำปากพนัง จำกัดและคณะกรรมการบริหารสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำปากพนัง และทางสหกรณ์ ฯได้ประชุมคณะกรรมการและอนุมัติงบประมาณเบื้องต้น ซึ่งเป็นงบที่สหกรณ์ ฯกันไว้ใช้ทำกิจกรรมเพื่อสาธารณะในชุมชนจำนวน 23,000 บาท นำมาใช้ในโครงการล่าล่ากำจัดปลาหมอคางดำซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมากก่อน และจากการที่นางสาวชอุ่ม สุขช่วย หัวหน้ากลุ่มพัฒนาและส่งเสริมอาชีพการประมงจังหวัดนครศรีธรรมราช ลงพื้นที่และประชุมหารือร่วมกันมีมติว่าจะกำหนดพื้นที่บ่อบำบัดน้ำเสียศูนย์พัฒนาประมงพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง จากจำนวนทั้งหมด 120 ไร่ โดยกันพื้นที่ออกมาจำนวน 40 ไร่เพื่อคิกออฟดีเดย์กำจัดปลาหมอคางดำ ในวันที่ 14 ก.ค. 2567 ทั้งการโปรยกากชาจำนวน 80 กระสอบ และช่วยกันจับปลาหมอคางดำออกจากพื้นที่ 40 ไร่ดังกล่าว หลังจากนี้เมื่อได้รับงบประมาณจากกรมประมงก็จะมีการขยายพื้นที่ดำเนินการในลักษณะเดียวกันออกไปเรื่อย ๆ จนปลาหมอคางดำหมดไปจากพื้นที่



“สำหรับปัญหาการรับซื้อที่ตนบอกว่ารับซื้อปลาหมอคางดำจากชาวบ้านที่ช่วยกันไล่ล่าจับอย่างน้อย กก.ละ 15 บาท นอกจากงบจัดซื้อแล้วทางราชการจะต้องจัดสรรงบประมาณในการบริหารจัดการให้คนที่ช่วยดำเนินการรับซื้อด้วยอย่างน้อย กก.ละ 3-5 บาท เพราะหากคนที่จะมาช่วยบริหารจัดการรับซื้อเขาไม่มีรายได้อะไร คงไม่มีใครลงมาช่วยดำเนินการแน่ โดยสรุปหากจะรับซื้อ กก.ละ 15 บาท ต้องจัดงบดำเนินการให้ด้วย กก.ละ 3-5 บาทค่าใช้จ่ายรวมก็จะตกอยู่ที่ กก.ละ 18-20 บาทอยู่ดี ซึ่งกรมประมงอาจจะรับซื้อพร้อมค่าบริหารจัดการไปพร้อมกันใน กก.ละ 20 บาทก็ได้ ส่วนการรับซื้อในสำนักงานโครงการพัฒนาลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากกระราชดำริ (กปร.) กก.ละ 10 บาทนั้น ไม่ได้จัดซื้อตามโครงการหรือมาตราการของกรมประมง แต่เขาซื้อจำนวนจำกัดวันละ 100-200 กก.เพื่อนำไปทำน้ำหมักชีวภาพเท่านั้น” นายไพโรจน์ กล่าวย้ำ. 


เครดิตภาพ/ข่าว:ไพฑูรย์ อินทศิลา/ นครศรีธรรมราช 

          

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น