เคราะห์ซ้ำกรรมซัด!!สาวปากพนังร้องสื่อกระสุนปริศนาเจาะกะโหลกสามีกลายเป็นเจ้าชายนิทรา 6 เดือนคดีไม่คืบแถมกรมเจ้าท่าให้ออกจากงาน
อ้างขาดงานเกินระเบียบกำหนด
(30 ธ.ค.) นางสาวณัฐชา พรหมจรรย์ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 2 ตำบลบางพระ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมนางสาวอรอนงค์ จันทร์สุวรรณ อายุ 39 ปีพี่สาวได้ร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมงสมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช กรณีนายอานนท์ จันทร์ สุวรรณ อายุ 35 ปี พนักงานราชการกรมเจ้าท่าจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นสามีของนางสาวณัชชา ที่ถูกกระสุนปริศนา พุ่งเจาะโหนกแก้มก้างขวาทะลุกะโหลกศีรษะ หัวกระสุนไม่ทราบชนิดและขนาด ฝังอยู่บริเวณลำคอใต้หูข้างขวา เหตุเกิดที่บ้านพักเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 เวลาประมาณ 11.30 น. แต่จนถึงขณะนี้คดีไม่มีความคืบหน้าใด ๆ และล่าสุดทางกรมเจ้าท่า ให้ออกจากพนักงานราชการสร้างความเดือดร้อนลำบากให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก
นางสาวณัชชา กล่าวว่า ในวันเกิดเหตุสามี ของตนนอนเล่นอยู่บนเตียงพับภายในบ้าน ในขณะที่นายวิเชียร พรหมจรรย์ พ่อของตนซึ่งเป็นพ่อตาของนายอานนท์ ได้เรียกให้มาช่วยมุงหลังคาซุ้มขายน้ำชากาแฟ หน้าบ้านซึ่งอยู่ริมถนนสายปากพนัง-หัวไทร นายอานนท์ สามีจึงลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะออกไปช่วยพ่อตามุงหลังคา แต่จู่ ๆ ก็เกิดล้มลงหัวฟาดพื้นมีเลือดออกที่ศีรษะตอนแรกเข้าใจว่าวูบล้มศีรษะกระแทกพื้นจึงช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลปากพนัง ต่อมาทางโรงพยาบาลปากพนังแจ้งว่านายอานนท์ ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกกระสุนปืนเจาะที่บริเวณโหนกแก้มขวา อาการสาหัสมากจึงส่งตัวเข้ารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราช หลังจากที่โรงพยาบาลมหาราชเอกซเรย์พบว่ามีหัวกระสุนปืนไม่ทราบชนิดและขนาดฝังอยู่บริเวณลำคอใต้หูข้างขวาของนายอานนท์ จึงส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ แพทย์ระบุว่ากระสุนตัดเส้นเลือดใหญ่ทำให้เสียเลือดมากสมองบวม จำเป็นต้องอุดหลอดเลือดโดยผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ ระบายเลือดที่คั่งในสมองออก แต่เนื่องจากการขาดเลือดเป็นระยะเวลานานทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงซีกซ้ายเคลื่อนไหวไม่ได้และคนไข้ยังมีอาการวูบ โดยยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้กลายเป็นเจ้าชายนิทรา
“ตอนนี้แพทย์อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้านยังไม่สามารถกินอาหารได้ทางปาก แพทย์ได้เจาะลำคอ เพื่อให้อาหารทางสายยาง และดูดน้ำลายและเสมะ พูดไม่ได้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โดยตนต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ตอนนี้ตนและลูกสาว อายุ 4 ขวบ ได้รับความเดือดร้อนลำบากอย่างแสนสาหัสเพราะไม่มีรายได้ใด ๆ เลย ซึ่งก่อนเกิดเหตุนายอดุลย์สามี เพิ่งต่อสัญญาทำงานกับกรมเจ้าท่า แต่ล่าสุดทางกรมเจ้าท่า แจ้งว่าสามีไม่ได้ไปปฏิบัติหน้าที่ตามปกติเกินจำนวนวันลาตามระเบียบของทางราชการจำเป็นต้องให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งตอนนี้ตนยังพอมีเงินที่ได้รับการบริจาคช่วยเหลืออยู่บ้างแต่ในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งตนและบุตรสาว รวมทั้งตัวนายอานนท์ สามีไม่รู้จะดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างไร”
นางสาวณัชชา กล่าวอีกว่า ในขณะที่ความคืบหน้าในทางคดี เมื่อสอบถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ก็แจ้งว่า คดีไม่มีความคืบหน้าใด ๆไม่รู้คนร้ายเป็นใครไม่มีพยานหลักฐานใด ๆ ที่พอจะเอาผิดใครได้เลย โดยตั้งแต่ตอนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาตรวจสอบที่บ้านเกิดเหตุ และมีการตรวจสอบตรวจค้นภายในบ้านตนอย่างละเอียด รวมทั้งสอบปากคำทุกคนที่อยู่ในบ้าน แต่น่าแปลกที่ไม่ได้มีการตรวจสอบในบริเวณข้างเคียงแม้แต่น้อย เพื่อที่จะดูว่าวิถีกระสุนมาจากทิศทางใด ตรงไหน โดยเฉพาะ บ้านของเพื่อนบ้านซึ่งมีการจัดงานบวชนาค ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบ สืบสวนสอบสวนใด ๆ แม้แต่น้อย ตนมีความรู้สึกเหมือนว่าตำรวจไม่ได้ทำงานเพื่อไขปริศนาในคดี หรือสอบสวนสืบสวนติดตามที่มาที่ไปของกระสุนปริศนาหรือหาตัวคนร้ายในคดีนี้อย่างเต็มที่ จึงขอกราบวิงวอน สื่อมวลชน ฯ ช่วยประสานงานติดตามความคืบหน้าในคดีนี้ ให้ด้วย อย่าปล่อยให สามีของตนและครอบครัวตนต้องรับชะตากรรมฟรี ๆ แบบนี้เลย นางสาวณัชชา กล่าวอย่างน่าสงสารในที่สุด.
เครดิต:ไพฑูรย์ อินทศิลา/ สายัณห์ ศรีใหม่/ นครศรีธรรมราช
0 ความคิดเห็น